ในช่วงทศวรรษปี ค.ศ. 1970 (ตรงกับ พ.ศ. 2513 ถึง 2522) นักวิจัยของบริษัทฟิลิปส์ ได้ใช้เทคโนโลยีของแผ่นเลเซอร์ดิสค์ มาทดลองสร้างแผ่นออพติคอลสำหรับเก็บเสียงแต่เพียงอย่างเดียว โดยเริ่มแรกใช้วิธีการเข้ารหัสเสียงแบบ wideband FM และแบบ PCM ในระบบดิจิทัลในเวลาต่อมา ช่วงปลายทศวรรษ ฟิลิปส์ โซนี่ และบริษัทอื่น ๆ แสดงต้นแบบของแผ่นดิสค์ระบบเสียงดิจิตอล
ในปี พ.ศ. 2522 ฟิลิปส์ และ โซนี่ ตัดสินใจร่วมมือกัน จัดตั้งทีมวิศวกรร่วม ซึ่งมีภารกิจออกแบบแผ่นดิสค์ระบบเสียงดิจิตอลแบบใหม่ สมาชิกที่สำคัญของทีมคือ Kees Immink และ Toshitada Doi หลังจากทดลองและถกเถียงกันหนึ่งปี ทีมงานได้ออกมาตรฐานเรดบุ๊ค ซึ่งเป็นมาตรฐานของคอมแพคดิสค์ ฝ่ายฟิลิปส์สนับสนุนในเรื่องกระบวนการผลิต โดยอาศัยเทคโนโลยีการผลิตเลเซอร์ดิสค์ ฟิลิปส์ยังสนับสนุนวิธีการมอดูเลตแบบ EFM ซึ่งสามารถบันทึกเสียงได้มาก และทนต่อรอยขูดขีด หรือรอยนิ้วมือ ขณะที่โซนี่สนับสนุนวิธีรหัสแก้ข้อผิดพลาด (error correction) CIRC ในเอกสาร Compact Disc Story ที่บอกเล่าโดยสมาชิกหนึ่งของทีม ให้ข้อมูลถึงที่มาของการตัดสินใจทางเทคนิคจำนวนมาก รวมถึงการเลือกของความถี่การสุ่ม ระยะเวลาในการเล่น และเส้นผ่าศูนย์กลางแผ่นดิสค์ ฟิลิปส์ได้บรรยายไว้ว่า คอมแพคดิสค์ "ถูกประดิษฐ์ร่วมกันโดยกลุ่มคนมากมายทำงานร่วมกันเป็นทีม" ("invented collectively by a large group of people working as a team.")
ซีดีถูกผลิตขึ้นมาในแบบอุตสาหกรรมครั้งแรกในโลกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2525 โดยในครั้งนั้นเป็นการผลิตแผ่น CD สำหรับเครื่องเล่นเพลง(Audio CD) ต่อมาในปี 2528 จึงเกิดแผ่นซีดีสำหรับเก็บข้อมูล(CD-ROM) ตามมา และแผ่น CD ที่พลิกวิธีชีวิตของคนทั้งโลกก็ได้เกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีหลังจากมีการกำหนดของ CD-ROM นั่นคือในปี 2533 แผ่น CD-R หรือแผ่นซีดีที่สามารถเขียนข้อมูลลงไปได้ด้วยเครื่องเขียนข้อมูลก็บังเกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลงานคิดค้นของ 2 บริษัทใหญ่ คือ โซนี่ (Sony) และ ฟิลลิปป์ (Phillips)
A Compact Disc (or CD) is an optical disc used to store digital data, originally
developed for storing digital audio. The CD, available on the market since late
1982, remains the standard playback medium for commercial audio recordings to
the present day.
* วีดีโอครบรอบ 25 ปีของ CDในวันที่ 17 สิงหาคม 2007
แหล่งข้อมูลจาก
- techxcite.com
- http://en.wikipedia.org/wiki/Compact_Disc
- http://www.msnbc.msn.com/id/20303440/
- http://news.bbc.co.uk/1/hi/technology/6950845.stm
- http://siliconuser.com/?q=node/15
No comments:
Post a Comment